ประวัติลูกเสือโลก
โรเบิร์ต
สตีเฟนสัน สไมธ์ เบเดน-โพเอลล์ (Robert Stephenson Smyth Baden - Powell)
หรือมักจะเรียกกันสั้น ๆ ว่า ลอร์ด เบเดน-โพเอลล์
และรู้จักกันดีในวงการลูกเสือในนาม บี.พี.
(B.P.)
คือผู้ที่ให้กำเนิดกิจการลูกเสือ (SCOUT) ขึ้นมาในโลกใบนี้
การกำเนิดของลูกเสือไม่ได้เกิดขึ้นเพียงข้ามคืน แต่บ่มเพาะอยู่ในตัวของท่าน บี.พี.
มาอย่างยาวนาน
บี.พี. มีพี่น้อง 7 คน อยู่กับมารดา โดยกำพร้าบิดาตั้งแต่อายุ 3
ขวบ ในวัยเด็กของท่านแสดงให้เห็นถึงนิสัยรักผจญภัย และชอบใช้ชีวิตกลางแจ้ง
ท่านมักจะเดินทางไกลไปพักแรมร่วมกับพี่น้องของท่านตามที่ต่าง ๆ ในอังกฤษ
ชอบท่องเที่ยวในป่ารอบโรงเรียน ซุ่มดูสัตว์ต่าง ๆ นอกจากนั้น
ยังเป็นผู้รักษาประตูมือดี และเป็นนักแสดงละครที่ได้รับความนิยมในโรงเรียน
รวมทั้งรักดนตรี และวาดภาพอีกด้วย
เมื่ออายุได้ 19 ปี
ท่านได้เข้าร่วมกับกองทหารม้าของอังกฤษไปประจำอยู่ที่อินเดีย
ความสามารถอันโดดเด่นด้านการใช้ชีวิตกลางแจ้งของท่าน
แสดงให้เห็นจากการที่ท่านได้รับรางวัลการล่าหมูป่าบนหลังมาด้วยหอกเล่มเดียว (Pig
Sticking)
ซึ่งเป็นกีฬาที่อันตราย และได้รับความนิยมอย่างมาก
ในปี ค.ศ.
1887 บี.พี. ได้ไปประจำการอยู่ในแอฟริกา
ซึ่งต้องรบกับชนเผ่าพื้นเมืองที่ป่าเถื่อนดุร้าย ไม่ว่าจะเป็น ซูลู อาซันติ
หรือมาตาบีลี และด้วยความสามารถของท่านในการสอดแนม การสะกดรอย
รวมทั้งความกล้าหาญของท่าน
ทำให้ท่านเป็นที่หวาดกลัวของบรรดาชนพื้นเมืองจนถึงกับตั้งฉายาท่านว่า
"อิมปีซ่า" (Impeesa) หมายความว่า "หมาป่าผู้ไม่เคยหลับนอน"
และด้วยความสามารถของท่าน ทำให้ท่านได้เลื่อนยศอย่างรวดเร็ว
ในปี ค.ศ. 1889
อังกฤษมีปัญหาด้านความสัมพันธ์กับสาธารณรัฐทรานสวาล พันเอก เบเดน-โพเอลล์
ได้รับคำสั่งให้นำทหารม้าสองกองพันเดินทางไปป้องกันเมืองมาฟอีคิง
ซึ่งเป็นเมืองยุทธศาสตร์สำคัญ
เพราะตั้งอยู่ใจกลางของแอฟริกาใต้
ที่นี่เองเป็นสถานที่ที่ทำให้ท่านได้รับชื่อเสียงเป็นอย่างมาก
ในการรักษาเมืองไว้จากเงื้อมมือของข้าศึกที่ล้อมอยู่ด้วยกำลังมากกว่าอย่างมหาศาลไว้ได้ถึง
217 วัน
จนกระทั่งกองทหารของอังกฤษได้บุกเข้าไปช่วยเหลือเป็นผลสำเร็จ
หลังจากศึกคราวนี้ ท่านได้เลื่อนยศเป็นพลตรี
และได้รับการนับถือจากชาวอังกฤษให้เป็นวีรบุรุษ
ในปี ค.ศ. 1901 บี.พี.
เดินทางกลับไปยังอังกฤษ และด้วยชื่อเสียงของท่านในฐานะวีรบุรุษ
ทำให้หนังสือที่ท่านเขียนขึ้นเพื่อให้ทหารอ่าน ชื่อ "Aids to Scoutting" หรือ
"การสอดแนมเบื้องต้น"
ได้รับความนิยมจนกระทั่งนำไปใช้เป็นแบบเรียนในโรงเรียนชายมากมาย
จุดนี้เอง ทำให้ บี.พี.
เกิดประกายความคิดถึงโอกาสที่จะพัฒนาเด็กอังกฤษให้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่เข้มแข็ง
เพราะถ้าหนังสือสำหรับผู้ใหญ่เกี่ยวกับการปฏิบัติการสอดแนม
สามารถดึงดูดความสนใจของเด็กได้
ถ้าท่านทำหนังสือสำหรับเด็กโดยเฉพาะก็คงจะได้ผลมากยิ่งขึ้น
b บี.พี.
จึงเริ่มศึกษาเรื่องราวของการฝึกอบรมเด็กจากทุกยุคทุกสมัย และนำประสพการณ์ในอินเดีย
และแอฟริกา มาดัดแปลง และค่อย ๆ พัฒนาความคิดเกี่ยวกับการลูกเสืออย่างช้า ๆ
ด้วยความระมัดระวัง จนกระทั่งฤดูร้อนของปี ค.ศ. 1907
ท่านจึงได้รวบรวมเด็กยี่สิบคน ไปพักแรมกับท่านที่เกาะบราวซี (Brownsea)
ในช่องแคบอังกฤษ ซึ่งนับเป็นการอยู่ค่ายพักแรมของลูกเสือครั้งแรกของโลก
และประสพผลสำเร็จอย่างงดงาม
ต้นปี ค.ศ. 1908 บี.พี.
ได้จัดพิมพ์คู่มือการฝึกอบรมขึ้น แบ่งออกเป็นหกตอนในชื่อ "Scoutting for Boys" หรือ
"การสอดแนมสำหรับเด็ก" ซึ่งมีภาพประกอบที่เขียนโดยตัวท่านเองอยู่ด้วย
เมื่อหนังสือเริ่มวางจำหน่าย แม่แต่ตัวท่านเองก็ไม่นึกไม่ฝันว่า
มันจะเป็นจุดที่ทำให้เกิดกองลูกเสือขึ้นมากมาย ไม่เฉพาะในอังกฤษเท่านั้น
แต่แพร่หลายไปในหลาย ๆ ประเทศอีกด้วย
เมื่อกิจการลูกเสือเติบโตขึ้น บี.พี.
ได้มองเห็นโอกาสที่จะได้ทำประโยชน์ให้กับสังคมได้
ด้วยการใช้การลูกเสือบ่มเพาะเด็กรุ่นใหม่ให้เป็นพลเมืองดี
แทนที่จะต้องมาฝึกผู้ใหญ่ให้เป็นทหาร
ท่านจึงได้ลาออกจากกองทัพในปี ค.ศ. 1910
ขณะที่มียศพันโท เพื่อเดินเข้าสู่ชีวิตที่ท่านเรียกว่า "ชีวิตที่สอง" (Second Life)
ที่ให้บริการโลกใบนี้ด้วยกิจการลูกเสือ
และได้รับผลรางวัลเป็นความรักและนับถือจากลูกเสือทั่วโลก
ปี ค.ศ. 1912
บี.พี. เดินทางรอบโลกไปพบปะกับลูกเสือในประเทศต่าง ๆ
และเริ่มต้นเสริมสร้างการเป็นพี่น้องกันของลูกเสือทั่วโลก
น่าเสียดายที่สงครามโลกครั้งที่หนึ่งทำให้งานนี้ต้องหยุดชงักลงชั่วขณะ
แต่ก็เริ่มสานต่อหลังจากสงครามสิ้นสุดลง
จนกระทั่งปี ค.ศ. 1920
ก็ได้จัดให้มีการชุมนุมลูกเสือระหว่างประเทศขึ้นในกรุงลอนดอน
ซึ่งถือเป็นการชุมนุมลูกเสือโลกเป็นครั้งแรก (1st World Jamboree)
และในคืนวันสุดท้ายของการชุมนุม
บรรดาลูกเสือที่เข้าร่วมชุมนุมก็ร่วมกันประกาศให้ บี.พี.
ดำรงตำแหน่งประมุขของคณะลูกสือโลก (Chief Scout of the
World)
และเมื่อกิจการลูกเสือดำเนินมาครบ 21 ปี พระเจ้ายอร์ชที่ 5
ก็ได้พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้ท่านเป็นขุนนาง มีชื่อยศว่า Lord Baden Powell of
Gilwell
เมื่อ บี.พี. มีอายุครบ 80 ปี กำลังของท่านก็เริ่มทรุดลง
ท่านได้กลับไปพักผ่อนในช่วงบั้นปลายชีวิตในแอฟริกาที่ท่านรัก และถึงแก่กรรมในวันที่
8 มกราคม ค.ศ. 1941 เมื่อมีอายุ 84 ปี
ค.ศ. 1907 -
มีการเข้าค่ายพักแรมลูกเสือเป็นครั้งแรก ที่เกาะบราวซี
ค.ศ. 1908 - หนังสือ
Scoutting for Boys ตีพิมพ์ และเริ่มกำเนิดกองลูกเสือขึ้นในหลายประเทศ
ค.ศ.
1909 - จัดตั้งสำนักงานลูกเสืออังกฤษ และมีการชุมนุมลูกเสืออังกฤษเป็นครั้งแรก
ค.ศ. 1910 - จัดตั้งกองลูกเสือหญิง (Birl Guide) โดยมีแอกนีส น้องสาวของ
บี.พี. เป็นหัวหน้า
ค.ศ. 1911 - จัดตั้งกองลูกเสือสมุทร
ค.ศ. 1912
- บี.พี. เดินทางไปเยี่ยมลูกเสือในประเทศต่าง ๆ รอบโลก
ค.ศ. 1914 -
เกิดสงครามโลกครั้งแรก บี.พี. มอบลูกเสือให้ทำหน้าที่ช่วยทหาร เช่น รักษาสะพาน
และสายโทรศัพท์ ทำหน้าที่ผู้สื่อข่าว ช่วยงานในโรงพยาบาล
ค.ศ. 1916 -
จัดตั้งกองลูกเสือสำรอง
ค.ศ. 1918 - จัดตั้งกองลูกเสือวิสามัญ (Rover
Scout)
ค.ศ. 1919 - ตั้งกิลเวลล์ปาร์ด (Gilwell Park)
และเริ่มดำเนินการฝึกอบรมวิชาผู้กำกับลูกเสือขั้นวูดแบดจ์
ค.ศ. 1920 -
มีการชุมนุมลูกเสือโลกครั้งแรกที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และ บี.พี.
ได้รับเลือกให้เป็นประมุขของคณะลูกสือโลก (Chief Scout of the World)
ค.ศ.
1922 - บี.พี. เขียนหนังสือ "Rovering to Success" หรือ
"การท่องเที่ยวสู่ความสำเร็จ" ซึ่งเป็นคู่มือสำหรับลูกเสือวิสามัญ
ค.ศ.
1926 - จัดตั้งกองลูกเสือพิการ
ค.ศ. 1937 - บี.พี.
ได้รับพระราชธานบรรดาศักดิ์เป็น Lord Baden Powell of Gilwell
ค.ศ. 1941 -
บี.พี. ถึงแก่กรรมเมื่ออายุได้ 84 ปี