| ต้มยำกุ้ง
ประวัติความเป็นมา
ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าถือกำเนิดของอาหารไทยชนิดหนึ่งที่ เรียกว่า “ต้มยำกุ้ง” มาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่อาจารย์สุจิตต์ วงษ์เทศได้เขียนถึงต้มยำกุ้งไว้ว่า “เมื่อรับข้าวเจ้าจากอินเดียเข้ามาพร้อมกับการค้าทางทะเลอันดามันและศาสนา พราหมณ์-พุทธทำให้ กับข้าวเปลี่ยนไปเริ่มมีน้ำแกงเข้ามาหลากหลาย ทั้งแกงน้ำข้นใส่กะทิแบบอินเดียกับแกงน้ำได้แบบจีน”
วิธีทำ
- กุ้งขนาดกลาง 6 ตัว
- ตะไคร้ 1 ต้น, หั่นเป็นท่อนๆ และทุบพอแหลก
- เห็ดฟางหั่นครึ่ง 12 ดอก
- พริกขี้หนู 3-5 เม็ด, ทุบพอแตก
- ใบมะกรูดฉีก 3 ใบ
- น้ำมะนาว 2-3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2-3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำซุปไก่ 3 ถ้วย (หรือน้ำเปล่า)
- ผักชี สำหรับโรยหน้า
- น้ำพรกเผา (กรณีต้องการทำเป็นต้มยำน้ำข้น)
ขั้นตอนในการทำ
- ล้างทำความสะอาดกุ้ง แกะเปลือกออกเหลือแต่หาง พักไว้ (ถ้าไม่มีน้ำซุปไก่ สามารถเอาหัวกุ้ง และเปลือกที่แกะ ไปต้มทำเป็น น้ำซุป จะทำให้ต้มยำมีรสกลมกล่อมขึ้น)
- ตั้งน้ำซุป (หรือน้ำเปล่า) ในหม้อขนาดกลาง ใส่ตะไคร้ลงไปต้ม พอน้ำซุปเริ่มเดือด ใส่กุ้งและเห็ดฟาง ต้มต่อไปอีกสักพักจนกุ้งเกือบสุก จึงปิดไฟ ยกหม้อลง (อย่าให้กุ้งสุกมาก เนื้อจะแข็งกระด้าง ไม่อร่อย)
- ปรุงรสด้วยพริก,น้ำมะนาวและ น้ำปลา จากนั้นจึงฉีกใบมะกรูดใส่ลงไป คลุกให้ทั่ว ชิมรสให้พอดี (ถ้าต้องการทำเป็นต้มยำน้ำข้น ก็ใส่น้ำพริกเผาลงไปด้วย)
- ตักต้มยำใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยผักชี เสริฟทันทีพร้อมข้าวสวยร้อนๆ
ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ถือว่าเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านในการดัดแปลงอาหารของบรรพบุรุษไทยเรา ให้มีสีสันน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังนำสมุนไพรไทยที่มีอยู่รอบๆตัวมาประยุกต์เป็นส่วนผสมของอาหารทำให้มีความอร่อยมากยิ่งขึ้นและที่สำคัญยังอุดมไปด้วยสารอาหารคุณประโยชน์มากมายนั่นเอง ^^ |